ยอมรับความจริง

เพลงที่เราชอบกับเพลงที่คนอื่นชอบ คิดว่ามันจะเป็นเพลงเดียวกันได้ไหม

สมัยก่อน…ไม่แน่
สมัยนี้…ไม่น่า

ปกติแล้วไม่อยากจะพูดเรื่องต่างๆ ในแง่ลบเท่าไหร่เลยนะ เพราะว่าทุกครั้งที่กลับมาอ่านก็เท่ากับตอกย้ำด้านดาร์กๆ ของอารมณ์ในตอนที่เขียนให้กลับมาอีกหน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงอย่างมาก ขนาดคนที่ชอบพ่นความดาร์กในใจให้คนอื่นฟังยังไม่อยากอยู่ใกล้เลย

แต่วันนี้ ‘รมณ์บ่อจอยมากมาย ณ จุดนี้
เล่าถึงสภาพแวดล้อมรอบบ้าน เพื่อนบ้านแวดล้อมค่อนข้างจะมีฐานะดี มีรถไฮโซเป็นสมบัติหลายคัน จุดจอดมีทั้งในบ้านและนอกบ้าน จอดกันไปตามยถากรรมแบบไม่สนใจว่ารถจะหายหรือเปล่า คงเป็นเพราะพวกเขามีกะตังค์นั่นแหละ

นอกจากรถสี่ล้อราคาคันละไม่ต่ำกว่าล้าน พวกเขายังมีทั้งจักรยานและมอเตอร์ไซค์อีกมากมายหลายคัน จุดจอดนั้น…ก็คือถนนสาธารณะที่มีความกว้างเท่ากับรถเก๋งสองคันสวนกันแบบเบียดๆ
ในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อนบ้านที่น่ารักก็จะมีญาติสนิทมิตรสหายมาเยี่ยมเยือนมิได้ขาด และทุกคนก็ล้วนขับรถคันใหญ่โตโก้หรูกันทั้งนั้น การจอดรถก็ต้องทำเหมือนสติ๊กกี้โน้ต คือแปะหน้าบ้านคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยตามแต่ว่าตรงไหนจะว่าง จะขวางใครจนเขาเข้าออกลำบากไปบ้างก็คงไม่เป็นไร เพราะพวกเขามั่นใจว่าได้ช่วยให้เพื่อนบ้านได้บำเพ็ญอภัยทานบารมี จะได้มีกุศลส่งไปเลี้ยงตัวในภพชาติถัดไป

บางครั้งพวกเขาเหล่านั้นมาเดี๋ยวเดียวก็ไป หลายครั้งก็มาพักค้างอ้างแรมปาร์ตี้เหล้าเบียร์บุหรี่ และที่ขาดไม่ได้คือเปิดเพลงหมอลำซิ่งที่เอาไปรีมิกซ์ใหม่แบบมีเบสบีบหัวใจเปิดกันสนั่นลั่นทุ่งแกล้มแอลกอฮอล์ไปพร้อมกัน พวกเขาเหล่านั้นคงมีฐานะมากเลยแหละเพราะไม่เคยเห็นพวกเขาทั้งหลาย รวมทั้งพระญาติทั้งหลายจะไปทำมาหากินอะไรกันชัดเจนเป็นหลักแหล่ง

พวกเขารักเสียงเพลงกันมาก ในบางวันที่ไม่มีเหล้าเบียร์จะกิน ก็สามารถเปิดเพลงแนวนั้นได้ตั้งแต่เที่ยงวัน บางครั้งก็เที่ยงคืน พร้อมกับคุยกันโหวกเหวกโวยวายเสมือนว่าพวกเขากำลังใช้ชีวิตอยู่ ณ สะวันน่าที่ต้องการเสียงก้องดังกังวานไกล
ช่วงเย็นเวลาที่หลายครัวเรือนต่างเลิกงานบึ่งรถเข้าบ้านประหนึ่ง Fast & Furious ก็เป็นเวลาที่เขาจะปล่อยลูกหลานปฐมวัยออกมาวิ่งเล่นกรี๊ดกร๊าดบนถนน เหล่าตัวเขาทั้งหลายก็มีเรื่องเล่าเม้าท์มอย กรี๊ดดดด–กร๊าดดด พอๆ กะบุตรหลาน ชนิดเดซิเบลกินกันไม่ลง คนที่นั่งทำงานในบ้านอย่างเรา ขอบอกว่าปวดหู หนวกหู และคิดงานไม่ออก

อีกทั้งพวกเขาทั้งหลายสุดแสนจะรักความสะอาดยิ่งชีพ ดังจะเห็นได้จากการวางถังขยะเพื่อทิ้งสิ่งปฏิกูลนั้นแม้จะมีวางไว้หน้าบ้านตนก็เพื่อประดับบารมีเท่านั้น ถ้าจะทิ้งจริงเมื่อใด พวกเขาทั้งหัวหงอกหัวดำก็ตวัดมือมาที่ถังหน้าบ้านเราได้ทันที ทั้งยังอบรมบ่มนิสัยเหล่าบุตรธิดาให้กระทำการเช่นเดียวกับเขาเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเขาแต่เพียงผู้เดียว ขอแค่ได้ขว้างขยะมาในวิถีที่เขาปรารถนา จะลงหรือไม่ลงถังก็ไม่อยู่ในสายตาของเขาทั้งหลายแต่อย่างใด

วันดีคืนดีท่านก็ยื่นมือเข้ามาตัดกิ่งไม้ในบ้านเรา แม้ว่ามันยังไม่ทันจะยื่นไปเขตบ้านท่านเลยด้วยซ้ำ แถมยังทิ้งกิ้งไม้ที่ตัดแล้วเอาไว้เกลื่อนกลาด พอเราแสดงตัว ท่านกลับวิ่งหนีหายซ่อนตัวเงียบกริบในบ้านซะอย่างงั้น ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำมันดีจะหนีทำไม ?
หลายสิ่งที่บรรดาท่านๆ ทั้งหลายทำ ทำให้รู้ตัวว่าเราไม่ควรและห้ามเก็บสิ่งที่เข้าข่ายอาวุธยุธโธปกรณ์เอาไว้ในบ้านเป็นอันขาด

ถามว่าเบื่อไหม ตอบได้เลยว่าโครตเบื่อ
ถ้าย้ายบ้านใหม่จะเจอคนพรรค์นี้อีกไหม จะว่าไปของอย่างงี้เหมือนซื้อลอตเตอรี่ ต่อให้ซื้อบ้านแพงยังไม่แน่เลยว่าจะรอด

วิธีแก้เรื่องเสียงดัง หรือชอบแอบขโมยตัดกิ่งไม้ หรือเรื่องไร้สาระสุดๆ อย่างเรื่องทิ้งขยะบ้านคนอื่น
ก็คือ…คิดว่านั่นมันเป็นธรรมชาติ เป็นนิสัย เป็นพฤติกรรมที่พวกเขาคิดเอาว่าปกติธรรมดา หรือจะคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ขาดการอบรมก็ได้
ที่คิดว่าขาดการอบรมนี่ไม่ได้ประชดอะไรนะ (ยกเว้นไอ้ที่ไฮไลต์สีเขียว อันนั้นเต็มๆ) พยายามคิดแบบเข้าใจความจริงเพื่อที่จะได้ยอมรับความจริง
เหมือนที่เรายอมรับได้ว่าเพื่อนเราบางคนเป็นคนปากเสีย เวลามันพูดอะไรแย่ๆ เราจะได้อภัยมันได้

ได้มะ ??

ไม่รู้ดิ อยู่ในระยะตั้งสมมติฐาน

ขอไปเป็นระยะทดลอง ได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไงก็ค่อยว่ากันอีกทีละกัน

Leave a comment